Google+ โรงเรียนสิชลประชาสรรค์: มกราคม 2015

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

การศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้

ชื่อเรื่อง                  การศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)  
ชื่อผู้ศึกษา             นางสาวปรีดา  ตะเหลบ
กลุ่มงาน                กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสิชลประชาสรรค์
ปีที่รายงาน           ปีการศึกษา 2557


บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ เท่ากับ 75/75 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ระเบียบวิธีศึกษามี 3 ขั้นตอน โดยขั้นแรกสร้างเครื่องมือในการศึกษา ขั้นที่สองหาคุณภาพของเครื่องมือที่สร้างขึ้น และขั้นสุดท้ายนำเครื่องมือที่มีเหล่านั้นไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 2 โรงเรียนสิชลประชาสรรค์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12  ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวนนักเรียน 40 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง การศึกษาเป็นแบบ One  Group Pretest-Posttest  Design  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)  ซึ่งมีจำนวน 7 ชุด คือ ชุดกิจกรรมที่ 1 การบอกตำแหน่งของวัตถุ ระยะทาง และการกระจัด ชุดกิจกรรมที่ 2 อัตราเร็ว ชุดกิจกรรมที่ 3 ความเร็วและความเร่ง ชุดกิจกรรมที่ 4 การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งแบบอิสระ ชุดกิจกรรมที่ 5 การเคลื่อนที่แบบโพรเจคไทล์ ชุดกิจกรรมที่ 6 การเคลื่อนที่แบบวงกลม และชุดกิจกรรมที่ 7 การเคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย จากนั้นหาประสิทธิภาพจากสูตร E1/E2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย () ค่าร้อยละ (%) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบที (t-test)

ผลการศึกษาพบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) มีประสิทธิภาพเท่ากับ 78.22/78.10 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กระบวนการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) อยู่ในระดับมากที่สุด
https://plus.google.com/+Xn42cfja7en0cgbebav2ef8g9a3ap2tmbysBlogspot111/posts/JJrenQR7sjd

              https://www.facebook.com/schp.ac.th/posts/774731615935654

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

รายงานการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ

ชื่อรายงาน  รายงานการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนรายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ 
       รหัสวิชา ง20209 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี 
       ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ผู้ศึกษาค้นคว้า          ธวัชชัย อินเล็ก
สถาบันการศึกษา      โรงเรียนสิชลประชาสรรค์ 
ปีการศึกษา                2557

บทคัดย่อ

            การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงทดลอง ที่ผู้รายงานดำเนินการทดลองเอง โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้  1)  เพื่อพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ         รหัสวิชา ง20209 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การปลูก   ไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา ง20209  3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2  ที่มีการจัดการเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา     ง20209
                   ประชากร  คือ  ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2         ภาคเรียนที่ 1  ปีการศึกษา 2557 ของโรงเรียนสิชลประชาสรรค์ อำเภอสิชล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 12 ที่เลือกเรียนรายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา ง20209 จำนวน 45 คน  กลุ่มตัวอย่าง  คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 ของโรงเรียนสิชลประชาสรรค์ อำเภอสิชล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 12          ที่เลือกเรียนรายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา ง20209 จำนวน 25 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีการจับฉลาก
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ประกอบไปด้วย  เอกสารประกอบการเรียนรายวิชา   การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ง20209 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 เรื่อง  แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ง20209 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 20 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ง20209 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบทดสอบชนิดปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.27-0.80  และค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.27-0.70และค่าความเชื่อมั่นเท่า 0.88



ผลการศึกษา พบว่า
                1.  เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา ง20209              ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 84.45/85.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
                2.  ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน รายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ รหัสวิชา ง20209 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
                   3.  ระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนระดับความพึงพอใจเฉลี่ย 4.68 อยู่ในระดับมากที่สุดเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้

Facebook.com

Google plus